ประวัติวันต่อต้านยาเสพติดโลก
จำนวนการใช้จ่ายเกี่ยวกับสารเสพติดผิดกฎหมายในปี 2565 ทั่วโลกสูงกว่า $354,000 ดอลลาร์ล้านเหรียญสหรัฐ – ข้อมูลจาก worldometers
ภัยยาเสพติดไม่เพียงแต่จะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นภายในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังเป็นปัญหาที่นานาประเทศยอมรับว่าต้องมีการแก้ปัญหาร่วมกันทั่วโลกตั้งแต่ช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 โดยมีการจัดประชุมระหว่างประเทศครั้งแรกที่เซี่ยงไฮ้ในปี 1909 (พ.ศ. 2452)
แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงพบว่าอัตราการใช้สารเสพติดในทางที่ผิดยังคงแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 17-26 มิถุนายน 1987 (พ.ศ. 2530) ได้จัดการประชุมระหว่างประเทศว่าด้วยการใช้ยาในทางที่ผิด และการลักลอบใช้ยาเสพติด (International Conference on Drug Abuse and licit Trafficking ICDAIT) ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) มีมติประกาศให้วันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันต่อต้านยาเสพติด และการค้าที่ผิดกฎหมายสากล หรือเรียกสั้น ๆ ว่า วันต่อต้านยาเสพติด (International Day against Drug Abuse and Illicit Trafficking หรือ World Drug Day) นอกจากนี้วันที่ 26 มิถุนายน ยังเป็นวันที่เดียวกับที่จีนถอนสัมปทานการค้าฝิ่นในมณฑลกวางตุ้งเป็นครั้งแรกก่อนเกิดสงครามฝิ่นอีกด้วย
ความสำคัญของวันต่อต้านยาเสพติดโลกจึงเป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างการดำเนินการและความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายของสังคมระหว่างประเทศให้ปราศจากการใช้ยาเสพติดในทางที่ผิด
โดยแนวทางนี้เกี่ยวข้องกับการรักษา การสนับสนุน และการฟื้นฟูสมรรถภาพ, สร้างความมั่นใจในการเข้าถึงสารควบคุมเพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์, การทำงานร่วมกับเกษตรกรที่เคยปลูกพืชยาเสพติดผิดกฎหมายเพื่อพัฒนาทางเลือกในการดำรงชีวิตที่ยั่งยืน, รวมไปถึงการสร้างกรอบกฎหมายและสถาบันที่เพียงพอสำหรับการควบคุมยาเสพติดโดยใช้อนุสัญญาระหว่างประเทศ และยึดมั่นมาจนถึงปัจจุบัน
ประวัติการต่อต้านยาเสพติดไทย
หากย้อนลงไปในประวัติศาสตร์ไทย ยาเสพติดเริ่มมีการนำมาใช้ตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยแรกเริ่มมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ทางการแพทย์ จากประวัติศาสตร์ได้มีการพูดถึงยาเสพติดชนิดแรกที่ถูกใช้ในไทยนั้นคือ ฝิ่น เพื่อใช้เป็นยาแก้ปวด ยาลดไข้ ยารักษาอาการท้องเสีย และเป็นยาเพิ่มพละกำลังกาย
ในสมัยนั้น สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ก็ได้เล็งเห็นในคุณและโทษของฝิ่น จนมีการศึกษาสมุนไพรเลิกยาหลากหลายชนิด เพื่อลดการเสพฝิ่น และมีบัญญัติกฎหมายการห้ามซื้อ ห้ามขาย หรือเสพฝิ่นไว้อย่างชัดเจน แต่ยังคงมีการดำเนินซื้อขายแบบซ่อนเร้น และมีวิธีการที่แยบยลมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงการแปรรูปไปเป็นยาเสพติดประเภทอื่น ๆ อีกจำนวนมาก ทำให้ยาเสพติดยังไม่สามารถขจัดให้หมดไปจากประเทศไทยได้
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง:
สมุนไพรถอนพิษยาเสพติดมีอะไรบ้าง? ได้ผลจริงหรือ?
สถิติของผู้ป่วยสารเสพติดในไทย
วันที่ 9 ธันวาคม 2501 คณะปฏิวัติภายใต้การนำของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ได้ออกประกาศคณะปฏิวัติให้เลิกการสูบฝิ่นทั่วราชอาณาจักร โดยมีการเผาทำลายฝิ่น รวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ในการสูบฝิ่น และจัดตั้ง “คณะกรรมการปราบปรามยาเสพติดให้โทษ” หรือ ปปส. ขึ้นมาใน พ.ศ. 2504
ต่อมาในสมัยนายธานินทร์ กรัยวิเชียร เป็นนายกรัฐมนตรีรัฐบาลได้เล็งเห็นว่า การปราบปรามยาเสพติดไม่สามารถแก้ไขได้โดยการดำเนินการเฉพาะกรมตำรวจฝ่ายเดียว จึงได้เสนอร่างพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ. 2519 ต่อสภาปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน และประกาศใช้เป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2519
พระราชบัญญัติดังกล่าวได้กำหนดให้มีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหรือเรียกชื่อย่อว่า “ป.ป.ส.” โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และจัดตั้งสำนักงาน ป.ป.ส. ขึ้นเป็นหน่วยงานกลางรับผิดชอบโดยตรง
ดังที่ได้พูดไปในประวัติวันต่อต้านยาเสพติดโลก ว่ายาเสพติดนั้นเป็นปัญหาข้ามชาติที่ทั้งโลกจะต้องร่วมกันแก้ไข ประเทศไทยเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ (UN) จึงได้ยึดถือแนวทางปฏิบัติร่วมกับประชาคมโลกในการต่อต้านยาเสพติด และร่วมกันจัดกิจกรรมรณรงค์อย่างต่อเนื่อง ในวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปี ตั้งแต่ปี 2531 จวบจนปัจจุบัน โดยมีสำนักคณะกรรมการงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบ และวางแผนงานปฏิบัติการเพื่อแก้ปัญหายาเสพติดให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาของรัฐบาลไทย
กิจกรรมต้านภัยยาเสพติดมีอะไรบ้าง
การป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในประเทศไทยได้ถูกวางความสำคัญไว้สำหรับคนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ใหญ่ เด็ก หรือผู้สูงอายุ โดยเริ่มสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับยาเสพติดตั้งแต่วัยเด็ก เนื่องจากเด็กยังมีพัฒนาการทางสมองไม่เต็มที่ ทำให้สารเสพติดมีผลต่อพัฒนาการทางสมองของเด็กมากกว่าวัยอื่น ๆ และยังส่งผลในเรื่องปัญหาพฤติกรรม เชาวน์ปัญญาที่ลดลง รวมไปถึงปัญหาในด้านอารมณ์และจิตใจด้วย
สถาบันการศึกษาจึงได้จัดกิจกรรมขึ้นมาป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในรูปแบบต่าง ๆ ที่เด็กจะเข้าถึงได้ง่าย เช่น
การจัดนิทรรศการความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด
กิจกรรมรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ (บุหรี่จัดเป็นยาเสพติดประเภทไม่ผิดกฎหมาย)
กิจกรรมประกวดคำขวัญวันต่อต้านยาเสพติด
กิจกรรมประกวดกลอนในวันต่อต้านยาเสพติด*
กิจกรรมประกวดภาพระบายสีในหัวข้อเกี่ยวกับวันต่อต้านยาเสพติด เช่น “เยาวชนไทยห่างไกลยาเสพติด”
กิจกรรม/ชมรม, การประกวดดนตรี, แข่งขันกีฬา เพื่อการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ สร้างร่างกายและจิตใจที่แข็งแรง
การคัดเลือกต้นแบบเยาวชนร่วมรณรงค์ต่อต้านภัยยาเสพติด (พิจารณาจากความประพฤติ และมีชื่อเสียง เช่น นักกีฬา พิธีกร นักแสดง ศิลปิน)
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม: นอกจากวันที่ 26 มิถุนายนของทุกปีจะเป็นวันต่อต้านยาเสพติดโลกแล้ว ยังเป็นวันสุนทรภู่ กวีเอกของไทยอีกด้วย ดังนั้นนอกจากกิจกรรมประกวดคำขวัญวันต่อต้านยาเสพติดแล้ว เราจึงมักจะเห็นกิจกรรมประกวดกลอนวันต่อต้านยาเสพติดมาควบคู่กัน ซึ่งกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านี้ จะส่งเสริมให้เยาวชนต้องศึกษา ทำความเข้าใจเกี่ยวกับโทษของยาเสพติดในทางตรงและอ้อม เพื่อนำมาเขียนคำขวัญ และกลอนต่าง ๆ
ในระดับชุมชนเองก็มีลักษณะกิจกรรมในทำนองเดียวกัน โดยมุ่งเน้นในด้านการให้สร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับยาเสพติดเพื่อให้ตระหนักถึงโทษของยาเสพติด เสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับคนในชุมชน, การสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังในชุมชน เพื่อลดทั้งผู้เสพ และลดผู้ค้า, การจัดกิจกรรมทางพุทธศาสนา เช่น การไหว้พระ, สวดมนต์, นั่งสมาธิ เพื่อยกระดับจิตใจ นอกจากนี้บางชุมชนยังมีการรับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านที่เป็นบุคคลใกล้ชิด คอยดูแลและส่งเสริมสุขภาพของทุกคนในหมู่บ้าน เพื่อลดการใช้ยาเสพติดในชุมชน รวมไปถึงการติดตามผลหลังรับการรักษาด้วย
และการรณรงค์ในระดับประเทศที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดได้เชิญชวนให้คนไทยทั้งประเทศใส่เสื้อสีขาวในวันที่ 26 มิถุนายน ในธีม “คนไทยหัวใจสีขาว” ร่วมกันแสดงเจตนารมณ์ต่อต้านยาเสพติด ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ทำประโยชน์เพื่อสังคม เฝ้าระวังปัญหายาเสพติดในชุมชน เพื่อให้ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ ปลอดภัยจากยาเสพติดอย่างยั่งยืน
โดยสรุปใจความสำคัญของกิจกรรมต้านภายยาเสพติดของประเทศไทยนั้นมีความรอบด้านและถูกดำเนินการไปพร้อม ๆ กัน ทั้งการสร้างความเข้าใจ, การป้องกัน - ปราบปรามเริ่มจากชุมชน และสถาบันศึกษา, และการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้สุขอนามัยแข็งแรง จิตใจผ่องใส เพื่อลดความเสี่ยงที่คนในชุมชนจะหันไปใช้ยาเสพติด
กิจกรรมต้านภัยยาเสพติดของประเทศต่าง ๆ มีอะไรบ้าง
กิจกรรมในวันต่อต้านยาเสพติดของประเทศอื่น ๆ ก็มีจุดประสงค์ที่คล้ายคลึงกันกับไทย นั่นคือการสร้างความเข้าใจ และลดจำนวนผู้เสพให้ได้มากที่สุด ทั้งในแง่ของผู้ที่เริ่มเข้ามาเสพ และการบำบัดผู้ป่วยยาเสพติดให้กลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างมีความสุข ไปดูกันว่ากิจกรรมของประเทศอื่น ๆ ต่างจากไทยอย่างไรบ้าง
1. 10 Days To Say NO To Drugs – ประเทศเบลเยี่ยม
ภาพจาก drugfreeworld
Drug Free World เป็นองค์กรไม่แสวงกำไรเพื่อการต่อต้านยาเสพติดที่มีสมาชิกกว่า 24 ประเทศทั่วโลก และเบลเยี่ยมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ในการรณรงค์นี้อาสาสมัครจากเบลเยี่ยมมีการรณรงค์โดยสวมใส่เสื้อสีฟ้า พร้อมด้วยการพกหนังสือเล่มเล็กชื่อ The Truth About Drugs ไปตามสถานที่ต่าง ๆ ที่มีผู้คนอยู่จำนวนมากเป็นเวลา 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 16 - 26 มิถุนายน ตัวอย่างสถานที่เช่น สถานีรถไฟกลาง Antwerp (เมืองทางตอนเหนือของเบลเยี่ยม) เข้าถึงคนมากกว่า 3,500 คน และลงทางตอนใต้ที่เมือง Molenbeek ซึ่งเป็นเมืองที่มีการใช้ยาเสพติดเยอะมาก พวกเขาตั้งบูทที่สถานีรถไฟ แล้วแจกจ่ายหนังสือให้กับผู้โดยสาร รวมถึงร้านค้าต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับยาเสพติดให้กับคนในพื้นที่
หลังจบแคมเปญจาก Drug Free World ของเบลเยี่ยมสามารถกระจายหนังสือที่จะเป็นทั้งแนวทางการใช้ชีวิต และขุมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับยาเสพติดให้กับคนในประเทศได้มากกว่า 55,000 เล่ม โดยถูกฝากไว้กับร้านค้าทั่วประเทศกว่า 500 ร้าน บางร้านจำเป็นต้องขอเพิ่มเพราะหนังสือหมดเร็วมาก แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวต่อปัญหาภัยยาเสพติดภายในประเทศเบลเยี่ยม
สามารถดาวน์โหลดหนังสือ The Truth About Drugs ได้ที่นี่
2. Flash mob at Hollywood and Highland - สหรัฐอเมริกา, ลอสแอนเจลิส (LA)
ภาพจาก drugfreeworld
“Drugs are something that is someone else’s problem until it’s your kid and by then it’s too late.” – Marshall Faulk, NFL Legend, 2022
หลังจากสถานการณ์โควิด-19 เกิดขึ้นได้ 10 เดือน พบว่ามีคนเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดมากกว่าปีก่อนหน้าถึง 52% ดังนั้นเพื่อการรณรงค์ที่สามารถเข้าถึงคนกลุ่มใหญ่ใน LA ได้ กลุ่มอาสาสมัคร Drug Free World ได้ปรากฏตัวในวันก่อนงาน Super Bowl* ที่ใจกลาง Hollywood และแจกจ่ายหนังสือ The Truth About Drugs ไปจนถึงช่วงวันงานจริง
นอกจากนี้ในวันงาน ทีมอาสาสมัครได้ร่วมกับ Marshall Faulk ผู้เล่นทรงคุณค่าของ National Footbal League (NFL Legend) เชิญชวนให้ทุกคนลงทะเบียนเรียนหลักสูตรการศึกษาเกี่ยวกับยาเสพติดซึ่งเปิดให้เรียนฟรีอีกด้วย
เกร็ดความรู้เพิ่มเติม: Super Bowl การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศทีมอเมริกันฟุตบอลอาชีพประจำปีของ NFL 37% ของชาวอเมริกันมีกีฬาโปรดคืออเมริกันฟุตบอล ทำให้งาน Super Bowl เป็นงานที่ทุกสายตาจับจ้อง (ถ่ายทอดสดทั่วโลก) และเป็นงานกีฬาที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก
3. Red Ribbon Week – สหรัฐอเมริกา
Red Ribbon Week คือแคมเปญที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดเพื่อการรณรงค์ให้ความรู้เกี่ยวกับแอลกอฮอล์, ยาเสพติด, และความรุนแรงอื่น ๆ ให้กับเด็กทั่วสหรัฐอเมริกากว่าล้านคน ซึ่งถูกจัดเป็นประจำทุกปีในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนตุลาคม
Peggy Sapp ประธาน National Family Partnership ได้พูดถึง Red Ribbon Week โดยสรุปใจความได้ดังนี้
เป็นการรณรงค์เพื่อเรียกความสนใจ และให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับอันตรายของยาเสพติด
เป็นการรณรงค์ด้วยกลยุทธ์เชิงสภาพแวดล้อม ที่ส่งผลเป็นวงกว้างในทุกสังคม
ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้คนคุยกันมากขึ้น ทำกิจกรรมร่วมกัน และสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน
ช่วยให้ผู้ปกครอง และโรงเรียนจัดทำหลักสูตรเพื่อป้องกันยาเสพติดที่ดี
สร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้กับคนในสังคม ส่งเสริมพฤติกรรมเชิงบวก และให้ความสนุกสนาน ซึ่งเป็นสองสิ่งที่จำเป็นต่อสุขภาพจิต
ตัวอย่างกิจกรรมใน Red Ribbon Week
สร้าง Dress Code เพื่อร่วมกันรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด
ตกแต่งประตูห้องพักของตัวเอง (บางโรงเรียนมีการประกวดด้วย)
เขียนข้อความรณรงค์ด้วยชอล์ก
ต่อริบบิ้นสีแดงกันคนละชิ้น ช่วยกันสร้างโรงเรียนปลอดยาเสพติด
เล่น Red Ribbon Bingo เสริมสร้างการแก้ปัญหาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับยาเสพติด
5 ข้อนี้เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ละโรงเรียน แต่ละชุมชน ก็จะมีการทำกิจกรรมที่สร้างสรรค์ออกมาแตกต่างกันออกไป เช่น การประกวดคำขวัญ, การแต่งเพลง แต่งแรป, การจัดทำที่คั่นหนังสือ, การจัดทำพวงกุญแจ เป็นต้น โดยมีจุดประสงค์เดียวกัน คือ เพื่อต่อต้านยาเสพติด และความรุนแรงทุกรูปแบบ